ม่านหลังฝน
เรื่องราวของความรัก...ที่อดีตมันฝังใจจนยากที่จะเริ่มมีรักครั้งใหม่...แต่เมื่อมีแล้วก็รักษามันไว้ให้ดีที่สุด...
ผู้เข้าชมรวม
63
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
ท้องฟ้าเริ่มครึ้มบดบังแสงอาทิตย์
บ่งบอกว่าฝนกำลังจะมาเยือนพร้อมกับสายลมที่เริ่มพัดพาฝุ่นละออง
แต่ฉันก็ยังคงนั่งอยู่ใต้ต้นมะขามเพื่อเขียนอะไรบางอย่างซึ่งเป็นบันทึกทั่วๆไปที่เขียนขึ้นทุกวัน
ต้นไม้ทั้งหลายเริ่มเอนไหวไปตามสายลมที่พัดค่อนข้างรุนแรง และเริ่มมีเม็ดฝนตกลงมาเพื่อบอกให้รู้ว่าฝนที่จะตกอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าคงหนักน่าดู
จนฉันต้องรีบเก็บข้าวของเข้าไปในบ้าน
แต่สองตาก็ยังคงมองเม็ดฝนที่เริ่มโปรยลงมาทุกทีๆจนฉันเริ่มรู้สึกถึงอากาศที่เย็นและหนาวจับใจ
ถึงตอนนี้ฉันอยู่ในบ้านแล้วเลยได้แต่มองไปยังข้างนอกอย่างเลื่อนลอย
มันช่างรู้สึกเปล่าเปลี่ยวหัวใจเหลือเกินได้แต่คิดเรื่องต่างๆที่ผ่านมาที่ทำให้ใจทุกข์ทรมานกับสิ่งที่เรียกว่าความรัก
ที่ไม่เคยจะสมหวังเลยสักครั้งและได้แต่หวังไว้ว่าสักวันฉันอาจเจอกับรักที่สวยงาม และเมื่อไหร่ที่ฉันเจอกับรักที่สวยงามแล้ว
ฉันจะรักษามันไว้ให้มั่นคงตลอดไป
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำลายสมาธิ ฉันจึงรีบกดรับสาย
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ นี่ใครพูดครับ ใช่ นิน หรือเปล่า?”
“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าใครค่ะ”
“ผมชื่อ เดย์ ครับ”
“เดย์ไหนค่ะ นินไม่รู้จัก และคิดว่าไม่มีเพื่อนชื่อนี้ค่ะ”
“แน่นอนครับ และคุณก็ไม่รู้จักผมด้วยเพราะเราไม่เคยเจอกันเลย”
“แล้วคุณโทรมาหาฉันทำไมค่ะ เอาเบอร์มาจากไหนกัน”
“ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกครับ ผมแค่อยากรู้จักคุณน่ะครับ”
“แต่ว่าฉันไม่อยากรู้จักคุณ และต้องขอโทษด้วยฉันต้องวางสายแล้ว สวัสดีค่ะ”
ฉันรีบวางหูโทรศัพท์ทันที เพราะไม่อยากพูดอะไรมาก ยิ่งคนที่ไม่รู้จักแล้วยิ่งไม่อยากที่จะคุย
ตื๊ดๆตื๊ดๆ เสียงข้อความส่งมาแต่ไม่รู้เป็นข้อความอะไรคงเป็นข้อความประชาสัมพันธ์ทั่วไป แต่พอลองกดดูปรากฏว่าเป็นข้อความจากผู้ชายคนที่ฉันเพิ่งคุยเสร็จเมื่อกี้ ความว่า ผมขอโทษน่ะครับที่ทำให้คุณไม่พอใจแต่ผมอยากรู้จักคุณจริงๆน่ะ ให้โอกาสผมได้ไหมครับ
ฉันนั่งบ่นกับตัวเองในใจว่า นายนี่เป็นใครกัน บังอาจมากอยากมารู้จักช่างไม่รู้เอาซะเลยว่าฉันน่ะลูกนายทหารเชียวน่ะ
ตื๊ดๆตื๊ดๆ ข้อความมาอีกแล้วหวังว่าคงไม่ใช่ข้อความของนายนั่นน่ะ
ผมอยากรู้จักคุณจริงๆน่ะ นิน ได้โปรดเถอะน่ะ ให้โอกาสผม
โอ๊ย!นายนี่ทำไมตื้อจริงๆเลยน่ะก็บอกอยู่ว่าไม่อยากรู้จัก ท่าทางฟังไม่รู้เรื่อง
ตื๊ดๆตื๊ดๆ ผมรู้น่ะว่าคุณกำลังโกรธผมและไม่พอใจ ดังนั้นผมจะตื้อคุณไปอย่างนี้ จนกว่าคุณจะยอมคุยกับผมน่ะครับ
ฉันจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงรีบกดหมายเลขโทรออกทันที สักพักก็มีคนรับสาย
“สวัสดีครับ ผมนึกอยู่แล้วว่าคุณต้องโทรมา”
“นี่นาย! จะเอายังไงกับฉันกันแน่เนี่ย”
“ก็ไม่เอาไงครับ แค่ผมอยากรู้จักคุณจริงๆ ผมรู้สึกถูกชะตากับคุณยังไงไม่รู้ แค่น้ำเสียงก็ทำให้ผมหลงใหล”
“ท่าจะบ้าน่ะนาย ผีอะไรเข้าสิงนายไม่ทราบถึงได้กล้าพูดแบบนี้”
“ไม่ใช่ผีหรอกครับ ก็แค่กามเทพมันปักศรตรงใจ”
“ประสาท!”
ฉันจึงกดสายทิ้ง เพราะรู้ดีว่าขืนพูดมากอีกก็จะโดนคารมอีก
คืนนั้นฉันนอนไม่หลับ เพราะมัวแต่คิดว่าผู้ชายคนนั้นต้องการอะไร เขาอยากรู้จักฉันจริงๆหรือเปล่า ทั้งๆที่เราสองคนก็ไม่เคยรู้จักกันเลย ช่างน่าตลกจริงๆที่มีคนสนใจฉัน แต่มันก็ตื่นเต้นดีน่ะ
เช้าวันใหม่ที่สดใส ฉันนั่งมองตัวเองในกระจกอย่างพินิจพิจารณาตัวเอง ใบหน้าเรียว จมูกโด่งรับกับริมฝีปากหนา และแววตาสดใสทำให้ฉันดูมีเสน่ห์ยามต้องแสง แต่ฉันเป็นคนที่ไม่สูงมาก แค่ระดับมาตรฐานหญิงไทย ไม่ได้หุ่นดีเหมือนนางแบบ แต่ก็พอมีเนื้อมีหนังบ้างตามประสาคนสุขภาพดี
ตื๊ดๆตื๊ดๆ กินข้าวแล้วยังครับ บำรุงตัวเองด้วยน่ะ
ตื๊ดๆตื๊ดๆ แล้วเจอกันน่ะครับ นิน
ฉันอ่านข้อความไปบ่นไป และแปลกใจกับข้อความสุดท้ายที่บอกว่าเจอกัน มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อต่างคนต่างไม่รู้จักกัน
ฉันขับรถออกไปทำงานตามปกติ เมื่อถึงที่ทำงานบริษัท ชีวภัณฑ์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร ฉันก็รีบเข้าไปตอกบัตรและมานั่งประจำตำแหน่งเจ้าหน้าที่ห้องแล็ปเหมือนเช่นเคย แต่สายตาก็พลันไปเห็นช่อดอกไม้ขนาดกลางมาวางไว้บนโต๊ะทำงานของฉัน เป็นดอกกุหลาบสีขาว สวยมาก ฉันที่งงๆอยู่ก็แปลกใจขึ้นมาว่าใครเอามาวางไว้และแอบตื่นเต้นเล็กน้อย แต่พอหยิบการ์ดออกมาดูชื่อผู้ส่ง ปรากฏว่าเป็นชื่อ Day ซึ่งเป็นชื่อของผู้ชายที่คุยกับฉันเมื่อคืน ฉันตกใจมาก เพราะไม่คิดว่าเขาจะรู้ว่าฉันเป็นใคร ทำอะไร อยู่ที่ไหน ในขณะที่ฉันได้รู้จักเขาแค่ชื่อเท่านั้นเอง
“พี่นินค่ะ มีคนเอาดอกไม้มาให้พี่นินค่ะ” เดือน พนักงานสาวที่ทำงานร่วมกันบอกฉัน
“จ๊ะ พี่เห็นแล้ว ว่าแต่เขาเอามาให้ตอนไหนหล่ะ”
“เมื่อสักครู่นี้เองค่ะพี่นิน เขาดูดีมากเลยน่ะค่ะ”
“ขอบใจน่ะเดือน ไปทำงานเถอะ”
“ค่ะพี่นิน”
ฉันนั่งมองดอกกุหลาบสีขาวอยู่นาน มองอย่างพิจารณาแล้วหยิบมันขึ้นมาสูดดมความหอมที่บริสุทธิ์ ก่อนที่จะลงมือทำงานต่อไป
ตื๊ดๆตื๊ดๆ ผมหวังว่าคุณคงจะชอบดอกไม้ที่ผมให้น่ะครับ
เป็นครั้งแรกที่ฉันเผลอยิ้มออกมา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้หน้าบูดด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะฉันชอบดอกไม้ก็ได้เลยส่งผลให้ผู้รับยิ้มออกมา นับเป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่ฉันได้ดอกไม้ จากนั้นฉันก็ไม่เคยได้รับอีกเลย อาจเป็นเพราะฉันมัวแต่ทำงานจนไม่ได้มองใครก็เป็นได้ หรือถึงมีคนมาสนใจแต่ฉันกลับไม่สนเอง ไม่ใช่ว่าหยิ่งหรอกแต่ไม่พร้อมที่จะเปิดใจมากกว่า เพราะอดีตที่ผ่านมาทำให้ฉันจำเป็นบทเรียนและคงยากหากฉันคิดจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน
สองปีที่แล้ว ฉันคบกับผู้ชายคนหนึ่งชื่อ ฟาน เราสองคนรักกันมาก เราเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน แต่คนละเอกกัน เราสองคนไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด มีแต่คนอิจฉาคู่รักของเรา และเราสองคนก็สัญญาว่าจะแต่งงานกันหลังเรียนจบ แต่พอเรียนจบ และรับปริญญา เราสองคนก็ไม่เจอกัน ก็มีโทรศัพท์คุยกันตลอด พอนานเข้าก็เริ่มห่างกัน ไม่ได้เจอกัน ไม่ได้คุยกัน จนกระทั่งครั้งสุดท้ายฟานโทรศัพท์มาบอกว่ากำลังจะแต่งงาน
“ฮัลโหล นิน”
“ฟาน ว่าไง ไม่ได้คุยซะนาน คิดถึงน่ะ”
“อืม… นิน ฟานมีเรื่องอยากจะบอกนิน”
“เรื่องอะไรหรอ ฟังอยู่”
“คือ ฟานกำลังจะแต่งงาน กับผู้หญิงที่แม่หาให้”
“อย่างนั้นหรอ … งั้นนินควรแสดงความยินดีสิน่ะ ยินดีด้วย แต่นินคงไปร่วมงานไม่ได้หรอกน่ะ มีงานต้องทำอีกเยอะ”
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ bioney-y ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ bioney-y
ความคิดเห็น